แนะนำหนังเอาชีวิตรอดหนังแนว Survival

กลับมาเจอะกันอีกรอบในอาทิตย์นี้ เพราะเหตุการณ์การระบาดของโรคทำให้หลายคนจะต้องกักบริเวณกันยาวไม่อาจจะออกท่องเที่ยวไหนในวันสุดสัปดาห์ได้ แม้กระนั้นไม่ต้องเซ็งไป เนื่องจากว่าอาทิตย์นี้พวกเรามีหนังแล้วก็ซีรีส์สุดมันแนว “Survival เอาชีวิตรอดจากสถานะการณ์หายนะ” มาฝาก ยืนยันว่าตื่นเต้น ตื่นเต้น ลุ้นกันกระทั่งหายเบื่อหายเซ็งแน่ๆ วันนี้ผมจึงขอแนะนำหนัง survival เอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งติดเกาะ, ติดอวกาศ, ติดกลางภูเขาหิมะ, หรือแม้กระทั่งลอยคอในทะเล มาให้คุณได้ลองหามาชมกัน โดยแก่นหลักของหนังเอาชีวิตรอดคงหนีไม่พ้น การพึ่งพาตัวเอง เช่นการหาอาหารประทังชีวิตหรือใช้สิ่งของรอบตัวที่มีอยู่จำกัดในการพาตัวเองให้รอดชีวิต รวมถึงต้องมองหาความหวังและเชื่อมั่นในศรัทธาที่จะนำพาตัวเองให้มีชีวิตรอดอยู่ต่อไป

รวมหนังเอาชีวิตรอด 5 อันดับที่ต้องดู

Cast Away (2000)

cast away

หนังเล่าถึง ‘ชัค โนแลนด์‘ (Tom Hanks) ประธานบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งกำเนิดเกิดอุบัติเหตุเรือบินตกทำให้ติดอยู่เกาะร้าง ที่ซึ่งเขาถูกทดลองทั้งยังสภาพร่างกายจิตใจ และก็อารมณ์ เพื่ออยู่รอดจวบจนกระทั่งจะมีผู้ใดกันแน่ผ่านมาช่วยเหลือ หนังเปิดตัวด้วยความกระตือรือร้นรีบร้อนของชัค โนแลนด์ บุคลากรระดับบริหารจัดแจงของ FedEx ซึ่งจำต้องดำเนินการแข่งกับเวลา มันช่างเป็นขั้วตรงกันข้ามกับการตำหนิเกาะร้างที่ทุกๆอย่างเปลี่ยนเป็นความเฉื่อยชา การเอาตัวรอดใน Cast Away ก็เลยคือเรื่องของข้อสอบต่างๆที่ผู้แสดงนำจำเป็นต้องพบเจออีกทั้งร่างกายจำต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดด้านกายภาพจิตใจที่จำเป็นต้องอดทนโดยมีหวังจะรอดกลับไปได้ แล้วก็อารมณ์แปนปรวนอันมีสาเหตุมาจากการตำหนิแหง็กบเกาะร้าง หนังติดเกาะ

127 Hours (2010)

127 hours

หนังผลิตมาจากความเป็นจริงของ แอรอน รัลสตัน‘ ซึ่งเคยแต่งหนังสือเรื่อง Between a Rock and a Hard Place เล่าประสบการณ์เอาชีวิตรอดจากการที่แขนของเขาติดอยู่ในซอกหินด้วยการตัดแขนตนเองทิ้ง!! ในเวลาถัดมา ดินแดนนี่ บอยล์’ ได้ถือมาทำเป็นหนังเรื่อง 127 Hours ความน่าดึงดูดใจของ 127 Hours อยู่ที่การผลิตมิติให้เรื่องราวที่มีอยู่เพียงว่า ไต่เขา ติดหิน ตัดแขน‘ ด้วยการเสริมส่วนประกอบต่างๆที่นำมาซึ่งการทำให้เขาตกลงใจมีชีวิตอยู่ต่อหากว่าตนเองควรต้องสูญเสียแขนไปหนึ่งข้าง สำหรับเขามันไม่ใช่แค่การเอาชีวิตรอดแต่ว่ามันเป็นการมีชีวิตอยู่ ภายหลังจากเขามีชีวิตรอดจากเหตุนี้ เขาก็ยังไต่เขาเผชิญภัยอย่างเช่นเดิมซึ่งแสดงถึงจิตใจที่อดทนของเขา

The Martian (2015)

the martian

หนังเล่าถึงภารกิจตรวจสอบดาวอังคารของ NASA ซึ่งได้เกิดอุบัติเหตุทำให้ มาร์ค วัทนี่ย์’ (Matt Damon) นักพฤกษศาสตร์ค้างอยู่บนดาวอังคารโดยที่เพื่อนฝูงร่วมกลุ่มรู้เรื่องว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว เรื่องราวต่อมาทั้งปวงก็เลยเล่าถึงการพยายามยื้อเวลาชีวิตบนดาวอังคารจาก เดือนเป็นมากกว่า ปี กับหาทางติดต่อขอร้องจาก NASA เพื่อใส่ความเป็นได้สำหรับการเดินทางกลับโลกมนุษย์ โดยใช้ความเหมือนจริงทางด้านวิทยาศาสตร์มาทำเป็นแนวเอาชีวิตรอดที่จำเป็นต้องเริ่มตั้งแต่การปลูกมันฝรั่งประทังชีวิตตลอดจนจำต้องพึ่งพาอาศัยการช่วยเหลือจากคณะทำงานที่มีความเชี่ยวชาญต่างกันเพื่อหาทางกลับโลกให้ได้

Gravity (2013)

gravity

เรื่องราวมันมีอยู่เพียงแค่การเอาชีวิตรอดในอวกาศและก็ไปขายงานวิธีภาพกับความสมจริงสมจัง ที่จริงการที่บิดาลูกคัวรอนเขียนบทหนังการเอาชีวิตรอดในอวกาศได้ไหลลื่นแบบงี้ผมก็ถือว่ามันดีมากมายแล้วนะครับ บทปกติเดินเรื่องไม่มีสะดุดแล้วหลังจากนั้นก็เอื้อให้ได้โชว์งานวิธีภาพรวมทั้งความสมจริงสมจังของหนังไซไฟอวกาศ ส่วนในด้านริลเลอร์ตื่นเต้นบอกเลยว่าฉากไหนผู้กำกับต้องการที่จะให้ลุ้นนี่ถูกบิ๊วอารมณ์เต็มกำลังเลยนะครับ มาเต็มอีกทั้งการแสดงอีกทั้งดนตรีประกอบและก็งานภาพ ตื่นเต้นตื่นเต้นสุดๆไปเลย (แต่บางจังหวะของหนังก็แอบเฉื่อยๆจนกระทั่งแอบหาวไปหลายที)

Everest (2015)

everest

อีกหนังน่าดูหนังแนวเอาชีวิตรอด กับวินาทีชีวิตบน จุดสุดยอดของโลก” เรื่องราวจากสถานะการณ์จริงในปี 1996 (เรื่อง 1996 Mount Everest disaster) เมื่อสองกรุ๊ปนักกีฬาปีนเขาที่กำลังเดินทางเพื่อปราบยอดดอยที่สูงที่สุดในโลกอย่าง เอเวอเรสต์” จำต้องพบกับลมพายุหิมะครั้งรุนแรงที่สุด ที่ที่อุณหภูมิติดลบถึง 40 องศาเซลเซียส ออกสิเจนแทบจะไม่มี ทุกก้าวที่เดินก็เลยเป็นราวกับการปิ้งกรายไปสู่ความตายอย่างช้าๆเมื่อปราบยอดเอเวอเรสต์เสร็จแล้ว ก็จะต้องรีบพาตนเองกลับลงมาให้ได้ก่อนจะตาย แม้กระนั้นแล้วหลังจากนั้นก็ดันมากำเนิดลมพายุหิมะเข้าอีก ข้อเท็จจริงในคราวนี้ถือว่าเป็นการปีนเขาที่มีผู้ตายสูงสุดในประวัติศาสตร์ของเอเวอร์เรสต์อย่างยิ่งจริงๆ

บทสรุป

5 หนังเอาชีวิตรอดที่สร้างมาจากความจริงในข้างต้นนี้ มีทั้งยังหนังเอาชีวิตรอด Netflix และก็บนแพลตฟอร์มอื่น แล้วก็แต่ละเรื่องยังคงเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเรื่องราวทั้งปวงที่ใครบางคนในหลายมุมของโลกจะต้องพบเจอจริงๆกับความโชคร้ายที่อาจจะไม่มีผู้ใดต้องการเผชิญ นอกเหนือจากความสนุกสนานร่าเริงแล้วก็ความสนุกสนานที่กำลังจะได้รับแล้ว ก็หวังว่าทุกคนคงจะได้ทำความเข้าใจหลายสิ่งจากในหนัง อย่างต่ำก็ขอให้เรื่องราวพวกนี้รอเตือนสติตนเองอยู่เป็นประจำว่า ควรดำรงชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท